1 เทคนิค รีไฟแนนซ์ คอนโด ดอกเบี้ยลด ผ่อนหมดไว
สร้างเมื่อ Oct 16, 2021
คนที่กำลังหาวิธีลดภาระหนี้สินค่าผ่อนบ้าน คอนโด แน่นอนว่าต้องผ่านการยื่นไฟแนนซ์มาก่อนอยู่แล้ว แต่บทความนี้ Genie จะพาคุณมารู้จักกับการรีไฟแนนซ์ บ้าน คอนโด ว่าคืออะไร ช่วยประหยัดได้หลายแสนจริงหรือเปล่า? บทความนี้มีคำตอบค่ะ
เมื่อกู้เงินซื้อบ้าน คอนโด เวลาผ่อนรายเดือนกับธนาคารจะมีดอกเบี้ยรวมกับเงินต้นด้วย ซึ่งโดยปกติธนาคารจะคิดดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย มี 2 แบบ คือ
- เงินกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed rate loan) ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตกลงหน้าสัญญา เช่น ธนาคารคิดดอกเบี้ย 3% ต่อปี ช่วยให้คุณคาดการณ์ภาระดอกเบี้ยล่วงหน้าแบบตายตัวได้ค่ะ
- เงินกู้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating rate loan) หมายความว่า ดอกเบี้ยที่กู้มานี้แปรเปลี่ยนตามธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด หรือตามธนาคารนั้นๆกำหนด โดยจะออกมาเป็นงวดๆ แล้วแต่นโยบายของธนาคารช่วงนั้นค่ะ ซึ่งดอกเบี้ยแบบนี้ อ้างอิงตามค่า MRR MLR และ MOR
โดยปกติเวลากู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารจะคิด Fixed rate 3 ปีแรกเท่านั้น และหลังปีที่ 3 เป็นต้นไป ธนาคารส่วนใหญ่เขาจะคิดแบบ Floating rate ซึ่งค่าเฉลี่ยส่วนมากอยู่ประมาณ 6-7% หมายความว่า คุณต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าหรือ 100% ดังนั้น การรู้จักวิธีและช่วงเวลาที่ต้องรีไฟแนนซ์ บ้าน หรือคอนโด คือกลยุทธ์ที่คุณควรรู้ เพราะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณที่เสียไปกับดอกเบี้ยผ่อนบ้านได้มากเลย^^
ความหมายของ รีไฟแนนซ์
รีไฟแนนซ์ (Refinance) คือ การยื่นขอสินเชื่อก้นใหม่จากธนาคารไม่ว่าจะธนาคารใหม่หรือธนาคารเดิมที่คุณผ่อนอยู่นั้น เป็นการเปลี่ยนก้อนเดิมมาเป็นก้อนใหม่ทั้งก้อน การรีไฟแนนซ์เป็นกลยุทธ์วิธีที่สามารถทำให้คุณผ่อนชำระสินเชื่อได้อย่างมีชั้นเชิง
กรณี 1 รีไฟแนนซ์ แบบลดระยะเวลาผ่อน ( เหมาะสำหรับคนที่อยากปลดหนี้คอนโดให้หมดไวๆ )
ตัวอย่าง คุณอยากผ่อนค่าคอนโดให้หมดเร็วขึ้น อาจต้องเลือกผ่อนระยะเวลาสั้นลง จากเดิมยอดหนี้สินเชื่อทั้งหมด 2,000,000 บาท ผ่อน 30 ปี ผ่อน 15,000 บาท/เดือน ซึ่งการรีไฟแนนซ์คอนโดคุณสามารถเลือกระยะเวลาผ่อนสั้นลงเป็น 20 ปี ผ่อนธนาคาร 19,000 บาท/ เดือน ยอดผ่อนต่อเดือนสูงขึ้น
กรณีที่ 2 ผ่อนต่อเดือนให้น้อยลง
ตัวอย่าง คุณผ่อนคอนโดมาแล้ว 3 ปี เงินต้นเหลืออยู่ 1,800,000 บาท คุณอาจยื่นขอรีไฟแนนซ์ในยอดหนี้คงเหลือและยืดระยะเวลาการกู้เป็น 30 ปีใหม่ได้ ดังนั้นค่าผ่อนชำระต่อเดือนลดลง แต่การทำกรณีนี้ได้นั้นขึ้นกับเงื่อนไข อายุของผู้กู้+ระยะเวลาผ่อนไม่เกิน 60 ปี และอื่นๆตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
ดังนั้น หากคุณคือคนหนึ่งที่เพิ่งซื้อบ้าน คอนโด ผ่อนธนาคารอยู่ ควรศึกษาเรื่องนี้และใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ให้เต็มที่ เพื่อช่วยลดภาระหนี้สินให้คุณได้ดีทีเดียว
รีไฟแนนซ์ (Refinance) มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
- ค่าประเมินราคาทรัพย์สิน ธนาคารจะส่งพนักงานประเมินทรัพย์ ณ เวลาที่ขอรีไฟแนนซ์ว่ามีมูลค่าเท่าไหร่ เพื่อประเมินวงเงินอนุมัติสินเชื่อได้อย่างถูกต้องควรปล่อยเท่าไหร่
- ค่าธรรมเนียมหล่อยกู้ใหม่ ส่วนใหญ่คิด 0-3% ของวงเงินที่ปล่อยเงินกู้ แต่ถ้ายื่นกู้กับธนาคารเดิมอาจจะไม่มีค่าธรรมเนียม ( แล้วแต่นโยบายธนาคารนั้นๆค่ะ )
- ค่าจดจำนอง จำเป็นต้องจดจำนองที่กรมที่ดินใหม่ คิด 1% ของยอดสินเชื่อใหม่ทั้งหมด เช่น จดจำนองใหม่ 2 ล้านบาท คุณเสียค่าจดจำนอง 20,000 บาท ค่ะ
- ค่าอากรแสตมป์ ปกติคิด อัตราร้อยละ 0.05% ของยอดสินเชื่อใหม่ที่กู้
- ค่าทำประกันและอื่นๆ ส่วนนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดค่ะ
- ค่าเรียกปรับ ถ้าคุณยื่นขอรีไฟแนนซ์แต่ยังผ่อนค่าคอนโดกับธนาคารเดิมยังไม่ถึง 3 ปี ธนาคารมีค่าเรียกปรับ คิดอยู่ประมาณ 0-3% ของวงเงินกู้ ( Genie คิดว่าขอรีไฟแนนซ์หลังผ่อนคอนโดครบ 3 ปี จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไป )
แน่นอนค่ะว่าการรีไฟแนนซ์ มีประโยชน์สำหรับคนที่ผ่อนบ้าน ผ่อนคอนโด เพราะช่วยลดค่าดอกเบี้ยค่าผ่อนบาทได้หลายบาท แต่ไม่ควรลืมนำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตอนยื่นกู้สินเชื่อใหม่มาคิดคำนวณเบื้องต้นก่อนนะคะ เพื่อวางแผนก่อนยื่นเรื่องขอรีไฟแนนซ์ค่ะ
รีไฟแนนซ์บ้าน คอนโดต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง
จากนิยาม รีไฟแนนซ์ เปรียบได้กับการขอยื่นกู้ใหม่ค่ะ จึงต้องใช้เอกสารประกอบการยื่นเรื่องด้วยนั่นเอง และเอกสารที่ต้องใช้หลักๆ ประกอบด้วย
เอกสารส่วนตัว
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้านทุกหน้า
- ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล
- ทะเบียนสมรส ( กรณีกู้ร่วม )
เอกสารแสดงสถานะทางการเงิน
กรณีเป็นพนักงานประจำมีเงินเดือน
- สลิปเงินเดือนล่าสุด
- หนังสือรับรองเงินเดือนที่มีอายุไม่เกิน 3 เดือน
- Statement บัญชีออมทรัพย์ ย้อนหลัง 6 เดือน
- อื่นๆ ตามที่ธนาคารกำหนด
กรณีเป็นเจ้าของกิจการ
- ทะเบียนการค้า ทะเบียนบริษัท
- หลักฐานการเสียภาษีเงินได้จากกรมสรรพากร
- อื่นๆ ตามที่ธนาคารนั้นๆ กำหนด
เอกสารอื่นๆ
- สัญญาเงินกู้ฉบับก่อน
- สำเนาโฉนดที่ดิน
- หนังสือ นส.3
- หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด
- อื่นๆ แล้วแต่ธนาคารกำหนด
ดังนั้น คนที่กำลังวางแผนรีไฟแนนซ์ ควรเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้พร้อมก่อนค่ะ หรือปรึกษาเจ้าหน้าที่ธนาคารที่คุณเลือกยื่นขอรีไฟแนนซ์
ขั้นตอนการขอรีไฟแนนซ์
- ติดต่อธนาคารเดิมเพื่อขอสรุปยอดหนี้ผ่อนแล้วเท่าไหร่ ยอดคงเหลือ ระยะเวลาผ่อนเหลือกี่ปี
- นำเอกสารข้อ 1. ไปปรึกษาธนาคารที่ต้องการทำเรื่องรีไฟแนนซ์ดูค่ะ เพื่อสรุปยอดสินเชื่อใหม่
- ธนาคารส่งเจ้าหน้าที่ไปประเมินทรัพย์สินให้เขาจะปล่อยกู้ให้ได้เท่าไหร่สำหรับยอดรีไฟแนนซ์ใหม่
- ถ้ายื่นขอผ่านแล้วต้องติดต่อธนาคารเดิมและธนาคารใหม่ เพื่อทำเรื่องเปลี่ยนชื่อที่กรมที่ดิน
- นัดวันทำสัญญา โอนกรรมสิทธิ์ ชำระค่าใช้จ่ายกรมที่ดิน ( เปรียบได้กับกู้ซื้อบ้านครั้งแรกค่ะ )
เป็นยังไงบ้างคะ จากที่ Genie เล่า มาทั้งหมดนี้ เรื่องการรีไฟแนนซ์บ้าน คอนโด ไม่ใช่เรื่องยากหรือไกลตัวเลยนะคะว่ามั้ย นับว่าเป็นวิธีที่ช่วยลดภาระดอกเบี้ยธนาคารในช่วงปีที่ดอกเบี้ยลอยตัวให้คุณได้ ดังนั้น การรีไฟแนนซ์จึงเป็นสิ่งสำคัญและควรทำมากๆค่ะ มีประโยชน์ต่อการเงินของคุณมากๆเพราะช่วยลดภาระหนี้สินค่าผ่อนบ้าน คอนโดของคุณในระยะยาว เป็นกลยุทธ์การลดดอกเบี้ยที่ไม่ควรมองข้าม ทั้งยังเลือกการผ่อนให้สอดคล้องความต้องการของคุณได้ ไม่ว่าจะเลือกกำหนดระยะเวลาการผ่อนให้ปลดหนี้ได้เร็วขึ้น หรือ เพิ่มระยะเวลาผ่อนเพื่อลดค่าใช้จ่ายผ่อนบ้าน คอนโดต่อเดือนลง
ส่วนตัว Genie มองว่าการรีไฟแนนซ์บ้านทุกๆ 3 ปี เป็นอีก 1 วิธีที่ช่วยประหยัดเงินให้กับคุณได้มากเลยค่ะ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ช่วยให้คุณกำหนดค่าใช้จ่ายต่อเดือนอย่างเหมาะสม เพราะหากมองดีๆแล้ว เจ้าดอกเบี้ยค่าบ้านที่คุณต้องผ่อนรวมกับเงินต้น (ราคาบ้านจริง) โดยรวมแล้วพอๆกับราคาบ้านเลยนะคะ หรือสรุปง่ายๆ ว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้ธนาคารทั้งหมดนั้นคุณสามารถซื้อบ้านได้อีกหลังเลยก็ว่าได้ แต่ทั้งนี้ก่อนยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์กับธนาคารใดก็ตาม คุณควรศึกษาข้อมูล รายละเอียดและเงื่อนไขของแต่ละธนาคารอย่างรอบคอบก่อนนะคะ แนะนำว่าต้องดูหลายๆ ที่มาเปรียบเทียบกัน เพื่อได้โปรโมชั่นที่ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุด