11 Styles การแต่งห้องสุดชิค ที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!!!
สร้างเมื่อ Mar 31, 2023
สวัสดีเพื่อนๆ ชาว Genius ทุกคนค่าา วันนี้น้อง Genie จะพาเพื่อนๆ มาอัปเดตเทรนด์การแต่งห้องที่น่าจับตามองในปี 2023 กันค่ะ เท่านั้นยังไม่พอน้อง Genie ยังเตรียมสไตล์การแต่งห้องทั้ง 11 สไตล์มาฝากเพื่อนๆ ด้วยค่ะ ซึ่งจะมีสไตล์ไหนน่าสนใจบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่าาา
อัปเดตเทรนด์การแต่งห้องปี 2023
ก่อนที่เราจะไปดูการแต่งห้องทั้ง 11 สไตล์ นั้นเรามาอัปเดตเทรนด์การแต่งห้องกันสักหน่อย ถึงแม้ว่าจะผ่านมาเกือบ 4 เดือนแล้ว แต่น้อง Genie เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าในปี 2023 นี้แนวโน้มการแต่งบ้านเป็นไปในทิศทางไหน ซึ่งน้อง Genie ได้รวบรวมเทรนด์การแต่งห้องมาให้เพื่อนๆ ได้รับชมถึง 7 แบบด้วยกันค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลยค่ะ
1. เทรนด์ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น
สำหรับเทรนด์แรกนะคะ จะเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอยู่แล้วเมื่อ 2- 3 ปีก่อน จนกระทั่งปีนี้ก็ได้รับความนิยมมากที่สุดเช่นกัน เนื่องจากว่าในช่วงนี้ผู้คนมักอยู่บ้านมากขึ้น ไม่ค่อยออกไปไหนจึงทำให้หลายบ้านนั้นนิยมแต่งบ้านด้วยองค์ประกอบจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นปลูกต้นไม้ เพื่อเติมความสดชื่นจากใบไม้สีเขียว ของตกแต่งที่ทำจากไม้ หรือ หิน เป็นต้นค่ะ
2. เทรนด์สุขภาพ
แน่นอนค่ะว่าใน 2 - 3 ปีที่ผ่านมานั้นเราเจอมรสุมทั้ง เชื้อไวรัสโควิด-19 และ ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งทำให้หลายๆ คนนั้นเริ่มหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น เทรนด์การแต่งห้องที่เน้นการดูแลสุขภาพจึงได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ เลยค่ะ เช่นการจัดให้มีมุมออกกำลังกาย หรือ จัดห้องที่ปลอดเชื้อโรค เลือกเฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยป้องกัน หรือ ยับยั้งเชื้อโรค และแบคทีเรียนั่นเองค่ะ
3. เทรนด์การทำงาน
สำหรับเทรนด์การทำงานนะคะ เรียกได้ว่ายังได้รับความนิยมมากที่สุดค่ะ สืบเนื่องมาจากโควิด-19 ระบาดในช่วงนึงทำให้หลายๆ คนต้องทำงานอยู่บ้าน จึงเลือกที่จะมีห้อง หรือ พื้นที่ที่สามารถเอื้ออำนวยต่อการทำงาน หรือ Work of Home โดยส่วนใหญ่แล้วนั้นจะมีการจัดพื้นที่ให้มีขนาดกว้างขวาง มีแสงสว่างเพียงพอ ตกแต่งห้องให้สบายตาด้วยต้นไม้ประดับเล็กๆ พร้อมกับเพิ่มมุมพักผ่อน เพื่อไม่ให้การทำงานดูเครียดจนเกินไปนั่นเองค่ะ
4. เทรนด์การใช้งานที่ยืดหยุ่น
เทรนด์การแต่งบ้านในช่วงนี้นะคะ ส่วนใหญ่ผู้คนมักจะเน้นไปที่พื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่สามารถเคลื่อนย้าย หรือ ใช้งานได้หลากหลาย หรือพูดง่ายๆ คือการใช้งานแบบมัลติฟังก์ชัน ยกตัวอย่างเช่น เปลี่ยนไอส์แลนด์ครัว เป็นพื้นที่ทำงาน ชั้นวางของ สามารถปรับมาเป็นโต๊ะรับประทานอาหารได้ในบางช่วง เป็นต้นค่ะ
จากที่น้อง Genie เห็นในช่วงนี้ก็คือเฟอร์นิเจอร์ หรือ ของตกแต่งบ้านนั้นไม่ได้มีไว้ใช้แค่อย่างเดียวแล้วค่ะ เพราะถูกออกแบบมาให้ประยุกต์ใช้ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ซึ่งถือว่าสะดวกมากๆ ค่ะ
5. เทรนด์สมาร์ทดีไซน์
อย่างที่เราทราบกันดีนะคะ ว่าในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ เป็นสิ่งที่ไม่ซับซ้อนเท่าสมัยก่อนนะคะ จนถึงขนาดมีการนำเทคโนโลยีที่เรียกว่า แอปพลิเคชัน เข้ามามีบทบาทในการออกแบบ ตกแต่งบ้านได้ด้วยค่ะ เช่น เราสามารถควบคุมการเปิด - ปิด แอร์ พัดลม ไฟ ได้ผ่านโทรศัพท์ ในขณะที่เราอาจจะอยู่อีกพื้นที่นึง หรือในขณะที่เราอยู่นอกบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงเลยทีเดียวค่ะ
6. เทรนด์ออกแบบบ้านให้มีรูปทรงโค้งมน
เทรนด์สุดท้ายนะคะ จะเป็นเทรนด์ที่น่าดึงดูดใจที่สุดในปี 2023 เลยนั่นก็คือ ดีไซน์ห้องต่างๆ ให้มีลักษณะโค้งมน ทรงกลม ไม่ว่าจะเป็นส่วนของประตูโค้ง ชั้นวางของแบบครึ่งวงกลม ซึ่งแรงบันดาลใจของดีไซน์นี้จะมาจากสถาปัตยกรรมยุคเรเนซองส์ นั่นเองค่ะ
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังบอกอีกว่า เฟอร์นิเจอร์ที่ความโค้งมน หรือเป็นรูปวงกลมนั้นจะช่วยให้รู้สึกสงบ พึงพอใจ ไม่ฟุ้งซ่านนั่นเองค่ะ
แนะนำ 11 Style การแต่งห้อง
และแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะมาแนะนำสไตล์การแต่งห้องทั้ง 11 สไตล์กันค่ะ ซึ่งน้อง Genie เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยแน่ใจในเรื่องของสไตล์ อาจจะทำให้บอกช่าง หรือ บอกผู้รับเหมาผิด ซึ่งสไตล์ที่น้อง Genie จะมาแนะนำในวันนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ จะมีสไตล์ไหนน่าสนใจบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่าาาา
1. BOHO STYLE
สำหรับ BOHO STYLE ย่อมาจากคำว่า bohémien ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส หมายถึง โบฮีเมีย ดินแดนในประวัติศาสตร์ของยุโรปกลาง ซึ่งกินเนื้อที่สองในสามทางตะวันตกของดินแดนเช็ก หรือในปัจจุบันก็คือประเทศเช็กเกียนั่นเองค่ะ
โดยสไตล์การตกแต่งนั้นน้อง Genie จะสรุปมาให้เป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ
- สีสัน
BOHO STYLE นั้นจะเน้นสีสันแบบผสมผสานค่ะ โดยจะใช้เป็นสีสันสดใส บวกกับ โทนสีธรรมชาติเข้าไว้ด้วยค่ะ รวมไปถึงสไตล์ที่แสดงออกมานั้นจะไม่มีข้อจำกัด เน้นความอิสระ เสรีมากกว่าค่ะ
- ของตกแต่ง
สำหรับของตกแต่งนั้น ส่วนใหญ่จะใช้เป็นแนววินเทจ พวกหมอน ผ้าห่ม กรอบรูป ผ้าปัก หรือ ของตกแต่งแบบแขวน เช่นกรอบรูปศิลปะ จะเน้นให้มีลวดลาย มีรายละเอียดค่ะ
- เฟอร์นิเจอร์
ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์นะคะ จะเน้นไปที่งานไม้ งานสาน เช่น เก้าอี้สาน ตู้หวาย ลิ้นชักหวาย เก้าอี้หวาย เป็นต้นค่ะ
สิ่งสำคัญที่ห้ามลืมเด็ดขาดเลยก็คือ BOHO STYLE จะเป็นสไตล์ที่เรียบง่าย ไม่ยุ่งยาก ดังนั้นการแต่งห้องสไตล์นี้ ก็ไม่ต้องคิดเยอะค่ะ แค่ผสมผสานความเป็นธรรมชาติ และ ความเรียบง่ายก็ใช้ได้แล้วค่ะ
2. BAUHAUS STYLE
สำหรับ BAUHAUS STYLE เป็นสไตล์การตกแต่งที่ทันสมัยมาก สะท้อนให้เห็นความสดใสของอนาคต มีความชัดเจนตรงไป ตรงมา ส่วนใหญ่จะใช้รูปทรงเป็นเรขาคณิตในการออกแบบค่ะ ที่สำคัญสีสันนั้นเน้นไปในทิศทางที่ใช้แม่สีเป็นหลักเลยค่ะ ทั้ง สีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงิน
เพื่อนๆ ทราบไหมคะว่าจริงๆ แล้ว BAUHAUS STYLE นั้นมาจากชื่อของโรงเรียนสอนศิลปะ ตั้งอยู่ที่เมือง ไวมาร์ ประเทศเยอรมนี ผู้ก่อตั้งคือ Walter Gropius โดยมีวัตถุประสงค์ คือ การสะท้อนความเป็นหนึ่งเดียวของศิลปะ ผสมผสานกับความสมัยใหม่เข้าด้วยกันนั่นเองค่ะ
โดยสไตล์การตกแต่งนั้นน้อง Genie จะสรุปมาให้เป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ
- สีสัน
อย่างที่บอกไปแล้วนะคะว่า BAUHAUS STYLE นั้นจะเลือกใช้แม่สีเป็นส่วนใหญ่ทั้งนี้ทั้งนั้นสีที่ใช้ต้องแสดงออกถึงธรรมชาติมากที่สุดด้วยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น
- สีแดง จะหมายถึง ดวงอาทิตย์
- สีเหลือง หมายถึง แสงแดด
-สีน้ำเงิน หมายถึง ท้องฟ้า หรือน้ำทะเล
- ของตกแต่ง
ส่วนใหญ่ของตกแต่งนั้นจะเป็นรูปทรงเรขาคณิต ที่มีความเรียบง่าย สีสันสดใสตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น โคมไฟ แจกันใส่ดอกไม้ ปลอกหมอนอิง โซฟา
- เฟอร์นิเจอร์
สำหรับเฟอร์นิเจอร์นะคะ Walter Gropius ได้กล่าวไว้ว่า BAUHAUS STYLE นั้นเป็นการออกแบบที่ต้องการความเรียบง่าย แต่ต้องสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย เช่น Wassily Chair ผลงานการออกแบบของ Marcel Breue โดยการนำแฮนด์จักรยานที่ผู้คนขี่กันในยุคนั้นมาประยุกต์เป็นโครงขาเก้าอี้ เป็นต้นค่ะ
3. MID-CENTURY MODERN STYLE
สำหรับ MID-CENTURY MODERN STYLE นะคะ เป็นสไตล์การออกแบบบ้านที่มีอิทธิพลมาจากเฟอร์นิเจอร์ช่วงศตวรรษที่ 20 หรือคือช่วงราวๆ ปี 1940-1970 ค่ะ ซึ่งจะเน้นไปที่ความเรียบง่าย แต่ใช้งานได้จริง ส่วนใหญ่แล้วเฟอร์นิเจอร์นี้จะทำมาจากไม้ ให้เป็นรูปโค้งมนค่ะ
โดยสไตล์การตกแต่งนั้นน้อง Genie จะสรุปมาให้เป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ.
- สีสัน
สีสันส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เฟอร์นิเจอร์มากกว่าค่ะ ซึ่งจะเน้นไปที่โทนสีธรรมชาติ แต่จะเลือกสีที่ไม่สดเกินไป เช่น สีส้ม สีเหลือง สีแดง ตัดกับ สีเขียวมะกอก และ สีน้ำเงินค่ะ
- ของตกแต่ง
เน้นที่มีลวดลาย หรือ รูปทรงเรขาคณิตค่ะ
- เฟอร์นิเจอร์
อย่างที่บอกไปแล้วนะคะ ว่าเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ของการแต่งบ้านสไตล์นี้จะเน้นไปที่เฟอร์นิเจอร์ไม้ โดยจะใช้ไม้สักที่มีความแข็งแรง นอกจากนี้ยังมีไม้โรสวู้ด และไม้โอ๊คอีกด้วยค่ะ
4. NEW ART DECO STYLE
สำหรับ NEW ART DECO STYLE นะคะเกิดขึ้นเมื่อช่วงปี 1925 - 1939 ค่ะ โดยจะเน้นไปที่รูปทรง และลวดลายแบบธรรมชาติค่ะ ซึ่งลักษณะเด่นของ NEW ART DECO STYLE นะคะจะใช้เส้นโค้งมน เรียบง่ายแต่แข็งแรง และเน้นใช้ประโยชน์ค่ะ
โดยสไตล์การตกแต่งนั้นน้อง Genie จะสรุปมาให้เป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ
- สีสัน
สำหรับสไตล์นี้นะคะ ในสมัยก่อนจะเลือกใช้โทนสีเรียบๆ หรือใช้สีพื้น แต่ในปัจจุบันได้มีการนำสีสันเข้ามาเพิ่มความสวยงาม และ ความทันสมัย โดยจะเลือกใช้เป็นสีโทนเดียวกับสีของโลหะ หรือ จะเป็นสีที่สดใสไปเลยก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
- ของตกแต่ง
ในส่วนของของตกแต่งนะคะ ควรเลือกใช้เป็นวัสดุที่มีความแวววาว มันเงา หรือเป็นโลหะ เช่น ทอง ทองเหลือง อะลูมิเนียม สเตนเลส โลหะชุบโครเมียม กระจก คริสตัล ผ้าเลื่อมพรายเป็นต้นค่ะ
- เฟอร์นิเจอร์
ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์นะคะ ส่วนใหญ่จะเน้นที่ลักษณะทึบและตัน หรือ โปร่งโล่ง มาเป็นองค์ประกอบสำคัญ เพื่อความสวยงาม เช่น โซฟาก็มักจะบุด้วยกำมะหยี่ และ Top ด้วยหินอ่อนนั่นเองค่ะ
5. SHABBY CHIC STYLE
สำหรับการแต่งบ้าน SHABBY CHIC STYLE นะคะน้อง Genie ว่าต้องถูกใจสาวๆ บางคนอย่างแน่นอนค่ะ เพราะว่าสไตล์นี้จะเน้นไปที่โทนสีอ่อนๆ พาสเทลๆ บวกกับลายดอกไม้หวานๆ และเฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะคล้ายๆ กับบ้านเจ้าหญิงนั่นเองค่ะ
แต่ความเป็นจริงแล้วนั้น SHABBY CHIC STYLE ถือว่าเป็นสไตล์การแต่งบ้านที่ดูย้อนยุคๆ แต่ก็ยังคงความเก๋ ความทันสมัยไว้อยู่นั่นเองค่ะ
โดยสไตล์การตกแต่งนั้นน้อง Genie จะสรุปมาให้เป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ
- สีสัน
สำหรับสีสันของสไตล์นี้นะคะ ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่โทนสีอ่อนๆ เช่น ขาว ครีม หรือโทนสีพาสเทล เช่น เขียว ฟ้า ชมพูอ่อน ค่ะ
- ของตกแต่ง
สำหรับการตกแต่งห้องสไตล์นี้นะคะ ก็อย่างที่บอกค่ะ ให้เน้นไปที่สีพาสเทล หรือ สีอ่อนๆ แต่จะต้องไม่ลืมลวดลายของดอกไม้ เช่น หมอนอิง ผ้าปูที่นอน ผ้าม่าน ซึ่งจะทำให้ห้องนั้นดูเจ้าหญิงๆ และ มีรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นนั่นเองค่ะ
- เฟอร์นิเจอร์
ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์นะคะ ส่วนใหญ่แล้วจะเลือกเป็นสไตล์วินเทจ หรือ มีรายละเอียด ที่ถูกทำมาให้มีอายุ หรือดูเก่าๆ ย้อนยุคโบราณ สิ่งที่สำคัญเลยก็คือเรื่องสีค่ะ ต้องเป็นโทนอ่อนๆ ดูแล้วเบาสบายค่ะ
6. NEO - CLASSIC STYLE
สำหรับ NEO - CLASSIC STYLE นะคะ มีความหมายคือ “ศิลปะแบบคลาสสิกสมัยใหม่” เพื่อนๆ จะเห็นได้ว่าลักษณะเด่นของสไตล์นี้นั้นก็คือ การนำเอาเสาที่ตกแต่งหัวเสาด้วยสไตล์แบบคลาสสิคมาใช้ในงานออกแบบค่ะ
นอกจากนี้ สไตล์ NEO - CLASSIC STYLE ยังใช้องค์ประกอบจากไม้จำนวนมากสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์ งานไม้แกะสลัก ประติมากรรมรูปปั้น เป็นต้นค่ะ
โดยสไตล์การตกแต่งนั้นน้อง Genie จะสรุปมาให้เป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ
- สีสัน
สำหรับสีสันที่ใช้ในสไตล์นี้นะคะ มักจะเป็นสีที่ดูเบาๆ อ่อนๆ เช่น สีขาว ครีม เทา เหลือง ฟ้า เขียว เพิ่มความมันวาวนั่นเองค่ะ
- ของตกแต่ง
ในส่วนของของตกแต่งนั้นจะเน้นไปที่รูปปั้น งานแกะสลัก และงานศิลปะต่างๆ นอกจากนี้องค์ประกอบที่สำคัญนั้นจะมีเป็นงานตกแต่งผนัง เดินบัว ลูกฝัก เป็นต้นค่ะ
- เฟอร์นิเจอร์
สำหรับเฟอร์นิเจอร์นะคะส่วนใหญ่จะเลือกเป็นงานไม้ มีการแกะสลัก มีดีเทลต่างๆ สำหรับโซฟาก็มักจะเลือกเป็นแบบพิมพ์ลาย หรือ เลือกใช้แบบหนังแท้ค่ะ
7. INDUSTRIAL STYLE
มาถึงสไตล์ที่ 7 กันแล้วนะคะ สำหรับ INDUSTRIAL STYLE จะเป็นสไตล์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุคอุตสาหกรรมประมาณปี 1970 ค่ะ เน้นความดิบ เปลือยโชว์สัจจะวัสดุ โชว์งานโครงสร้าง เปลือยฝ้าเพื่อให้เห็นงานระบบทั้งหมดค่ะ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าระหว่าง Loft style และ Industrial style ใช่แบบเดียวกันหรือไม่ อันนี้น้อง Genie ต้องบอกก่อนนะคะว่า มีความคล้ายกันในบางส่วน ยกตัวอย่างเช่น
Loft style จะเป็นห้องชั้นบน หรือ ห้องใต้หลังคาภายในบ้านที่มีลักษณะการตกแต่งภายในแบบคงโครงสร้างใต้หลังคานั้นเอาไว้นั่นเองค่ะ
Industrial style คือ การดัดแปลงมาจากโกดังบวกเข้ากับการตกแต่งเพิ่มเติม เน้นความโปร่งโลง เรียบง่าย ทำให้ห้องดูกว้างขวาง ยังคงเน้นการโชว์โครงสร้างวัสดุของเดิม มีลักษณะการจัดพื้นที่แบบ open plan สีสันการตกแต่งอาจเป็นโทนสีผนังขาว เทา สะอาดตา หรือโทนเทา ดำ น้ำตาล แสดงความดิบและความเท่เอาไว้ จากวัสดุ เหล็ก ไม้ ปูน นั่นเองค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก dsignsomething
โดยสไตล์การตกแต่งนั้นน้อง Genie จะสรุปมาให้เป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ
- สีสัน
อย่างที่บอกนะคะว่าสไตล์นี้จะเน้นไปที่ความดิบ ซึ่งก็คือจะโชว์สีจริงๆ ไม่มีการแต่งเติมอะไรลงไปเลยค่ะ
- ของตกแต่ง + เฟอร์นิเจอร์
ส่วนใหญ่แล้วจะมีปูน อิฐ และ เหล็ก อาจจะมีแทรกด้วยไม้ และ กระจกเพิ่มขึ้นมาค่ะ หากอยากได้โซฟา ก็จะเลือกเป็น งานเหล็ก ผสม งานบุหนังเพิ่มเข้ามาค่ะ
8. NORDIC (SCANDINAVIAN) STYLE
สำหรับ NORDIC (SCANDINAVIAN) STYLE ต้องบอกว่าได้รับความนิยมสูงมาก เนื่องจากว่ามีความเรียบง่าย การแต่งห้องได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ หรือที่เรียกกันว่า Organic Form นั่นเองค่ะ ซึ่งเป็นสไตล์จากแถบประเทศ สวีเดน นอร์เวย์ เป็นต้นค่ะ
โดยสไตล์การตกแต่งนั้นน้อง Genie จะสรุปมาให้เป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ
- สีสัน
การตกแต่งสไตล์นี้นะคะ จะเน้นไปที่สีสันโทนสว่าง หรืออาจจะนำสีพาสเทลมาผสมผสานเพิ่มความอบอุ่น และดูสบายตาก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
- ของตกแต่ง
ของตกแต่งจะเน้นไปที่ของที่มีลวดลาย ตารางหมากรุก หรือ รูปทรงเรขาคณิต และที่สำคัญของตกแต่งทุกชิ้นอาจจะต้องใช้ประโยชน์ได้จริง ไม่เพียงแค่นำมาตกแต่งเท่านั้นค่ะ
- เฟอร์นิเจอร์
ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์นั้นนิยมใช้วัสดุจากไม้สีอ่อน งานหวาน หรืองานสาน รวมไปถึงผ้าฝ้าย และ ผ้าลินินด้วยค่ะ
9. MODERN STYLE
สำหรับ MODERN STYLE เพื่อนๆ หลายคนอาจจะรู้สึกคุ้นๆ อยู่แล้วก็เป็นได้นะคะ เนื่องจากว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องบอกว่าสไตล์นี้เน้นไปที่ความเรียบง่าย ดูมีชีวิตชีวา แต่ก็ยังมีความโดดเด่นไปในตัวค่ะ
โดยสไตล์การตกแต่งนั้นน้อง Genie จะสรุปมาให้เป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ
- สีสัน
สีสันของ MODERN STYLE นะคะส่วนใหญ่จะเน้นไปที่โทนสีธรรมเกือบ 100% แต่ก็อาจจะมีสอดแทรกสีอื่นให้ดูเด่นขึ้นมาประมาณ 10% ก็เป็นได้ค่ะ
- ของตกแต่ง + เฟอร์นิเจอร์
ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่วัสดุจากโลหะ คอนกรีต ไม้ และ กระจก ซึ่งจะเป็นกระจกที่มีขนาดใหญ่ เพื่อเน้นความสว่างจากแสงธรรมชาตินั่นเองค่ะ
10. MINIMAL STYLE
สำหรับ MINIMAL STYLE น้อง Genie เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอนค่ะ ซึ่งสไตล์นี้เป็นสไตล์ที่มีต้นแบบมาจาก MODERN STYLE แต่จะมี Concept เป็นของตัวเองคือ “น้อยแต่มาก” ซึ่งจะเน้นไปที่ความจำเป็นของการใช้งานมากวว่าค่ะ เพื่อนๆ สามารถอ่าน MINIMAL STYLE เพิ่มเติมได้จากบทความนี้ค่ะ
โดยสไตล์การตกแต่งนั้นน้อง Genie จะสรุปมาให้เป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ
- สีสัน
โทนสีส่วนใหญ่เน้นไปทาง Cool tone หรือสีธรรมชาติค่ะ
- ของตกแต่ง
อย่างที่บอกว่าการแต่งห้องสไตล์นี้นั้นจะเน้นไปที่การใช้งานเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยเน้นของตกแต่งที่ใช้งานได้น้อย หรือ ไม่ค่อยได้ใช้งานนั่นเองค่ะ
- เฟอร์นิเจอร์
อาจจะเลือกเป็นโซฟาตัวยาว โต๊ะกลาง และ โคมไฟตั้งพื้นที่เน้นการใช้งานค่ะ
11. ENGLISH COUNTRY STYLE
สำหรับ ENGLISH COUNTRY STYLE นะคะ จะเป็นรูปแบบการตกแต่งบ้านแบบบ้านชนบทของอังกฤษ ซึ่งจะเป็นการออกแบบที่เน้นประโยชน์ใช้สอยของสมาชิกในครอบครัวค่ะ
โดยสไตล์การตกแต่งนั้นน้อง Genie จะสรุปมาให้เป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ
- สีสัน
สำหรับโทนสีที่ใช้แต่งบ้านของสไตล์นี้นะคะ จะเน้นเป็นสีที่ดูธรรมชาติ เรียบง่าย เช่น สีชมพูจากดอกกุหลาบ สีเขียวอ่อนจากใบไม้ สีฟ้าอ่อน เป็นต้นค่ะ
- ของตกแต่ง + เฟอร์นิเจอร์
สำหรับเฟอร์นิเจอร์นะคะ ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่งานไม้เนื้อหยาบไปจนถึงงานฝีมือที่ประณีต โดยนิยมนำผ้าที่มีลวดลายไม่ว่าจะเป็นลายดอกไม้ ลายทาง ลายตาราง ลายหยดน้ำมาใช้ร่วมกันค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะกับ 11 Styles การแต่งห้องสุดชิค ซึ่งน้อง Genie เชื่อว่าเพื่อนๆ บางคนอาจจะรู้ถึงหลักการแต่งห้องในสไตล์ต่างๆ แล้ว แต่ยังไม่รู้จักชื่อจริงว่าสไตล์นี้เรียกว่าอะไร ซึ่งบางชื่อน้อง Genie ก็เพิ่งจะเคยได้ยินด้วยค่ะ ><
น้อง Genie หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาสไตล์การแต่งห้องอยู่ไม่มากก็น้อยนะคะ
และสำหรับใครที่ไม่มีเวลา หรือมองว่าการต่อเติมบ้าน หรือ คอนโด เป็นเรื่องยาก น้อง Genie ขอแนะนำบริการใหม่แกะกล่องจาก เว็บไซต์ www.genie-property.com นั่นก็คือ บริการ “G-Buy” ที่จะช่วยเพื่อนๆ รีโนเวทห้อง พร้อมทำการตลาดในรูปแบบ VR Tour ให้อีกด้วยค่ะ เพื่อนๆ สามารถปรึกษา และ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างนี้ 👇👇👇👇👇👇
LINE: @genie-property.com
FACEBOOK: Genie-Property.com
EMAIL: sales@genie-property.com
CALL CENTER: 093-232-9888,064-931-8666
WEBSITE : www.genie-property.com
แนะนำบทความที่น่าสนใจ
เนรมิตบ้านเก่า ให้ใหม่ทันใจด้วย สินเชื่อ Renovate บ้าน
สาวก “Minimal” พลาดไม่ได้!! รวม ไอเดีย และ ไอเท็มเด็ดที่ไม่ควรพลาด!!
รู้ก่อนซื้อ!! Precast VS ก่ออิฐฉาบปูน ข้อดี - ข้อเสียต่างกันไหม!!!
ขอบคุณข้อมูลจาก