3 แบรนด์อสังหาฯบุกโลกเสมือนจริง (Metaverse) อัพเดตปี 2022
สร้างเมื่อ Feb 21, 2022
Genie เชื่อว่าหลายๆท่านอาจจะยังคาดไม่ถึงเกี่ยวกับเทรนด์โลกเสมือนจริง (Metaverse)ที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ ซึ่งหลายบริษัทที่หลายท่านคุ้นเคยก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้การบุกตลาดโลกเสมือนที่พร้อมจะเดินคู่ไปกับวิถีชีวิตปกติ เช่น AIS คว้าตัวน้องไอรีนซึ่งเป็น Virtual Influencer มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ หรือจะเป็น True 5G ที่คว้าตัวน้อง IMMA ซึ่งก็เป็น Virtual Influencer มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เช่นเดียวกัน และนี่ถือเป็นแค่น้ำจิ้มที่น้อง Genie เกริ่นมาเท่านั้นนะคะ เพราะว่าวันนี้เราจะมาพูดถึง 3 แบรนด์ผู้พัฒนาวงการอสังหาฯ ที่หันมาบุกตลาดโลกเสมือนจริง(Metaverse) ซึ่งแต่ละแบรนด์จะมีฟีเจอร์เด็ดๆอะไรบ้างนั้นสามารถติดตามได้ที่บทความนี้เลยค่ะ ขอกระซิบเพิ่มอีกนิดค่ะ สำหรับท่านใดที่สนใจเรื่อง Virtual Influencer สามารถคลิ๊กอ่านเพิ่มเติมได้เลยค่าา><
หลายท่านอาจจะกำลังสงสัยว่า โลกเสมือนจริง(Metaverse) จะมีผลกับธุรกิจอสังหาฯ อย่างไรบ้าง ต้องบอกก่อนเลยว่า ปัจจุบันนี้มีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสนใจในการซื้อขายพื้นที่บนโลกเสมือนจริง(Metaverse) เพราะเห็นถึงการเจริญเติบโตด้านการลงทุนบนโลกดิจิทัลในอนาคต ซึ่งวันนี้น้อง Genie ได้ยกตัวอย่างของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยที่สนใจเข้าร่วม โลกเสมือนจริง(Metaverse) มาให้รับชมกันถึง 3 แบรนด์ด้วยกันค่ะ
SC Asset
เรามาเริ่มต้นกันกับแบรนด์ SC Asset เลยนะคะ ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผลประกอบการในปี 2564 ที่ผ่านมานั้นทำสถิติสูงสุดโดยมีรายได้รวม 19,515.58 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,062.13 ล้านบาท โดยอ้างอิงจาก กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
และในขณะเดียวกัน SC Asset ได้ตั้งเป้าหมายหลักของปี 2565 เป็นที่เรียบร้อยผ่านการแถลงข่าว Business Direction ปี 2022 และที่พิเศษมากๆของงานแถลงข่าวในครั้งนี้นั้น คุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SC Asset มาในรูปแบบของ CEO Avatar ซึ่งเตรียมความพร้อมก้าวเข้าสู่โลกเสมือนจริง ( Metaverse) ทั้งนี้ SC Asset จะเดินหน้าแผน SC Thriving for Good ซึ่งมีระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565-2568
โดยการวางแผนของ SC Asset ในปี 2565 นั้น จะทำการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมดจำนวน 27 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท
ปัจจัยหลักที่จะทำให้แผน SC Thriving for Good สำเร็จนั้นจะแบ่งเป็น 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่
- Thriving = เติบโต บนสมรภูมิเดิม น่านน้ำใหม่
- Connecting = เชื่อมต่อ ทุกสิ่งถึงกัน สร้างคุณค่าที่มากกว่า
- Sustaining = ยั่งยืน สร้างคุณค่า สู่ผู้คน และสิ่งแวดล้อม
วางแผนเป๊ะขนาดนี้ความสำเร็จระดับแสนล้านคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนค่ะ
และประเด็นสำคัญที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคงหนีไม่พ้น ตัวงานแถลงข่าว Business Direction ปี 2022 ค่ะ การแถลงข่าวในครั้งนี้มาในรูปแบบ SC New Realities ซึ่งคุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ได้มีการครีเอทตัวตนที่เรียกว่า Avatar ขึ้นมาเพื่อใช้ในการแถลงข่าวเปิดตัวในช่วงแรกค่ะ ถือว่าเป็นการเตรียมตัวเข้าสู่โลกเสมือนที่พร้อมมากๆค่ะ
ภายในงานแถลงข่าวนั้นมีการพาชมโครงการต่างๆของ SC Asset ที่กำลังจะเปิดตัวในปีนี้ น้อง Genie ได้ยินมาแว่วๆว่าทาง SC Asset เองมีแพลนที่จะเปิดตัว Blockchain “SC Morning Coin” ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้เช่นเดียวกันค่ะ สำหรับพันธมิตร ลูกค้า หรือแม้แต่พนักงานก็จะมีโอกาสที่จะได้ใช้ Coin นำไปแลกผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆที่อยู่นอกเหนือจาก Ecosystem ของบริษัทอีกด้วยค่ะ
และการเปิดตัวด้วย Avatar แบบนี้แน่นอนค่ะว่าเราจะไม่พูดถึงเรื่องของทำตลาดใน Metaverse ไม่ได้เลย ซึ่งจากที่น้อง Genie ไปทำการรีเสิร์ชมาพบว่า ทางบริษัท SC Asset เองมีความเชื่อว่า Metaverse จะสามารถเติบโตได้ในอนาคต แต่ทางบริษัทเองอาจจะยังไม่ได้ลงทุนโดยตรงใน Metaverse แต่จะนำเทคโนโลยีต่างๆมาผสมผสานกับตัวโครงการต่างๆ เช่นหากซื้อบ้าน หรือ คอนโดในเครือของ SC Asset ก็จะต้องมี Version Metaverse ด้วย ทั้งนี้ก็ต้องใช้เวลาศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคว่าจะไปในทิศทางไหนค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ SC Asset แบรนด์แรกที่นำมาเสนอกันในวันนี้ ส่วนตัวน้อง Genie มองว่าตัวโครงการทั้ง 27 โครงการที่กำลังรอการเปิดตัวในปีนี้น่าสนใจมากค่ะ เพราะว่าแต่ละโครงการเป็นโครงการระดับท๊อปๆทั้งนั้นเลย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายนั้นจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าระดับ Luxury ราคาเริ่มต้นของโครงการบ้านนั้นจะอยู่ที่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนโครงการใหม่ของคอนโดจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้า Gen Y โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 100,000/ตร.ม. โดยประมาณค่ะ
Ananda Development
มาต่อกับแบรนด์ต่อมานะคะ แบรนด์ Ananda Development ซึ่งในปี 2565 นั้น อนันดาฯได้เตรียมเปิดโครงการใหม่ถึง 7 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2.8 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียวค่ะ โดยในปี 2564 ที่ผ่านมานั้นผลประกอบการของ บริษัท อนันดาฯ นั้นมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 3,009.18 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขที่ออกมานั้นยังไม่สรุปชัดเจนนะคะ อ้างอิงจาก กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ซึ่งทางด้านบริษัท อนันดาฯ ได้ประเมินเศรษฐกิจในช่วงปี 2565 เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น เนื่องจากชาวต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาลงทุนด้านอสังหาฯในประเทศไทยหลังจากที่สถานการณ์โควิดค่อนข้างจะเริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังไม่มากนัก จึงทำให้บริษัทเปลี่ยนจุดโฟกัสไปที่ลูกค้าคนไทยเป็นหลัก โดยกลุ่มเป้าหมายหลักจะเริ่มจาก ระดับ Main Class, Upper Class, High Class ไปจนถึง Luxury นั่นเองค่ะ (สามารถติดตามการจัดอันดับ Segment ได้ที่นี่)
โดยโครงการที่กำลังวางแผนลงทุนใหม่นั้นแบ่งออกเป็นโครงการคอนโด 5 โครงการ และ โครงการบ้านอีก 2 โครงการ ที่น่าสนใจคือจะมีแบรนด์คอนโดเกิดใหม่คือ โคโค่ พาร์ก และ คัลเจอร์ นั่นเองค่ะ
บริษัท อนันดาฯ ได้เปิดกลยุทธ์แนวใหม่ที่มีชื่อว่า “Ananda New Blue” ที่คิดค้นทุกอย่างมาให้เหนือระดับทั้งเทคโนโลยี ข้อมูลดาต้า และที่พักอาศัยแนวใหม่ ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ทางอนันดาฯ ได้ทุ่มทุนสร้างศักยภาพระบบหลังบ้านให้ดีเยี่ยม จนสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่มีชื่อว่า “New Normal Working” ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้ความสะดวกสบายทั้งงานด้านบริหารต่างๆ พร้อมแก้ไขปัญหาแก่ผู้บริโภคได้อย่างครบวงจร
และสำหรับกลยุทธ์แนวใหม่อย่าง “Ananda New Blue” อนันดาฯได้ปล่อยวิดิโอที่มีความยาว 1.43 นาที ในวิดิโอยังเผยรูปแบบคอนโดมิเนียมแห่งอนาคต 2 แห่ง ที่ไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อนอีกด้วยค่ะ
และสำหรับการเตรียมตัวเข้าสู่ Metaverse นั้นก็จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยค่ะ อย่างที่เราทราบกันดีว่าบริษัทอนันดาฯ ได้เปิดตัว “น้องวันนี้ (Wunni)” ไปเมื่อปลายปี 2564 ซึ่งจุดประสงค์หลักก็เพื่อที่จะสร้างฐานลูกค้าในอนาคตให้เป็นไปตามกลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯ อย่างกลุ่มคนเมืองยุคใหม่ (Gen Z)นั่นเองค่ะ
โดยการจัดอันดับช่วงกลุ่มอายุ (Generation) สามารถแบ่งออกได้ดังนี้ค่ะ.
- Gen Z เริ่มที่อายุ 10 ปี - 21 ปี หรือเกิดช่วงปี ค.ศ. 1997-2009
- Gen Y เริ่มที่อายุ 22 ปี - 38 ปี หรือเกิดช่วงปี ค.ศ. 1980 - 1996
- Gen X เริ่มที่อายุ 39 ปี - 53 ปี หรือเกิดช่วงปี ค.ศ. 1965 - 1979
ขอบคุณข้อมูลจาก moneyhub
และการเปิดตัว “น้องวันนี้” ในครั้งนี้นั้นเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ คือการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น โดยจะให้ “น้องวันนี้”เป็นตัวกลางในการสื่อสารและแบ่งปันประสบการณ์การใช้ชีวิต ไลฟ์ไตล์ต่างๆ กับคนยุคใหม่เพื่อหวังเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ๆนั่นเองค่ะ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทอนันดาฯ ที่จะก้าวเข้ามาในโลกดิจิทัลเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆค่ะ
โดยทุกท่านสามารถติดตามกิจกรรมดีของโปรเจค “ Ananda X Wunni ” ได้จากช่องทางด้านล่างนี้เลยค่ะ
Facebook : Ananda Development
Instragram : Callmewunni
สำหรับตัวน้อง Genie นั้นมองว่าโปรเจคที่กำลังจะเกิดมาใหม่นั้นน่าติดตามมากค่ะ เพราะว่าทางบริษัทอนันดาฯเองได้ซุ่มคิดค้นแพลตฟอร์มที่เพิ่มความสะดวกสบายมาใช้ผู้บริโภคอย่างเราๆได้ใช้งานกัน ซึ่งเหมาะกับ น้อง Genie มากๆเลยค่ะ คริคริคริ
MQDC
ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าแบรนด์ที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ ได้มีการวางโปคเจคระดับโลกเอาไว้แล้วค่ะ จากการผลึกกำลังจาก 2 ยักษ์ใหญ่ ซึ่งจากที่น้อง Genie ไปสืบค้นมานะคะโปรเจคนี้เป็นโปรเจคที่คิดค้นจากบริษัท T&B Media Global ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความรู้ด้านการสร้างสรรค์ที่ครอบคลุมหลายด้าน หลังจากได้นำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา (NASDAQ) ก็ประกาศทุ่มทุนสร้าง “อาณาจักรโลกเสมือน (Metaverse) “Translucia” เป็นรายแรกของประเทศไทย ซึ่งการลงทุนในครั้งแรกนี้มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
สำหรับพันธมิตรรายแรกของโปรเจค “Translucia” เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ MQDC นั่นเองค่ะ เรียกได้ว่าเป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่จะเข้าไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บน Metaverse เพื่อสร้างเมืองและโครงการต่างๆในโลกเสมือนและโลกจริงควบคู่กันไปค่ะ
โดยทาง MQDC ได้เตรียมความพร้อมในการสร้างทีมงานเพื่อที่จะมาพัฒนาเมืองและโครงการอสังหาริมทรัพย์ในโลกเสมือนจริงนี้ไว้เรียบร้อยภายใต้ชื่อ “MQDC Metaverse” ค่ะ
และเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมานะคะ บริษัท MQDC ได้มีการทำพิธีเปิดหน้าดินเพื่อเดินหน้าก่อสร้างโครงการสุดยิ่่งใหญ่อย่าง “Cloud 11” โครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use) ณ บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการบนถนนสุขุมวิท ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่แห่งใหม่ของ MQDC คาดว่าจะเปิดตัวภายในปีนี้แน่นอนค่ะ
และก็มาถึงช่วงเวลาที่ น้อง Genie ภูมิใจนำเสนออาณาจักรสุดยิ่งใหญ่ “The Forestias บางนา” ซึ่งผู้พัฒนาโครงการนี้ก็เป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC นั่นเองค่ะ ซึ่งโครงการนี้ได้คว้า 42 รางวัลระดับโลกมาแล้วนะคะ ไม่ธรรมดาเลยใช่ไหมคะ สำหรับใครที่อยากรู้้ว่าโครงการนี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้นคลิ๊กที่ลิงค์ด้านบนเพื่ออ่านเพิ่มเติมได้เลยค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับแบรนด์ผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่โลกเสมือนจริง(Metaverse) ที่น้อง Genie นำมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีแพลนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน และสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนจากทั้ง 3 แบรนด์เลย คือความเชื่อมั่นว่าในอนาคต โลก Metaverse จะเข้ามามีผลต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือ ธุรกิจอื่นๆอย่างแน่นอนค่ะ
และสำหรับท่านใดที่กำลังมองหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับด้านอสังริมทรัพย์นะคะ สามารถติดตามได้จาก เวปไซต์ www.genie-property.com หรือ Facebook GeniePropertyThailand ได้เลยค่ะรับรองไม่มีผิดหวังค่ะ